ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เตือนภัย ประชาชนที่ชอบรับประทานอาหารปรุงสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะสัตว์น้ำจืด ได้แก่ หอยโข่ง (หอยปัง) หอยขม หอยเชอรี่ กุ้งน้ำจืด ปลาน้ำจืด อาจทำให้เป็นโรคพยาธิขึ้นตา ตาบอดได้
อาจารย์ นายแพทย์คณินท์ เหลืองสว่าง จักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านจอตาและน้ำวุ้นตา รพ.มน. แพทย์ผู้ทำการผ่าตัด กล่าวว่า “เบื้องต้นคนไข้มาโรงพยาบาลด้วยอาการตามัวลง 1 สัปดาห์ ครั้งแรกตรวจไม่พบพยาธิ นัดมาอีก 3 อาทิตย์ พบว่าตามีอาการอักเสบ และพบพยาธิในน้ำวุ้นตา ทำการรักษาด้วยยาฆ่าพยาธิและยาลดการอักเสบ ร่วมกับการผ่าตัดนำตัวพยาธิออกจากดวงตา จากการตรวจหาชนิดของพยาธิ โดย รศ.ดร.อภิชาติ วิทย์ตะ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยาและปรสิตวิทยา คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าเป็น พยาธิปอดหนู (Angiostrongylus cantonensis) ยาวประมาณ 0.5 ซม. สาเหตุที่พยาธิชนิดนี้ได้ชื่อว่าพยาธิปอดหนูเพราะ พยาธิตัวเต็มวัยทั้งสองเพศ จะอาศัยอยู่ในหลอดเลือดแดงของปอดหนู พยาธิตัวเมียจะออกไข่ในหลอดเลือดแดงและฟักตัวเป็นตัวอ่อน ระยะที่ 1 ปนออกมากับมูลหนู เมื่อตัวอ่อนไชเข้าหอยทาก หรือ หอยน้ำจืด เช่น หอยโข่ง (หอยปัง) หอยขม หอยเชอรี่ กุ้งน้ำจืด ปลาน้ำจืด
แล้วจะเจริญเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อ ในระยะนี้หากคนรับประทานอาหารปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ พยาธิจะเข้าสู่ระบบ ประสาท เช่น สมอง ไขสันหลัง หรือตา ฯลฯ อาการเจ็บป่วยจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะที่พยาธิอยู่ ในกรณีขึ้นตาทำให้เกิดอาการที่พบบ่อยคือตามัวลงแบบเฉียบพลันมักไม่ปวดหรือเคืองตา จากการซักประวัติพบว่าผู้ป่วยมีประวัติกินกุ้งน้ำจืดสุก ๆ ดิบ ๆ”
ด้าน ผศ.พญ.สิรินันท์ ตรียะเวชกุล จักษุแพทย์เจ้าของไข้ กล่าวเพิ่มเติมว่า“มีรายงานพบผู้ป่วยพยาธิปอดหนูขึ้นตาครั้งแรกของโลกจาก ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2505 ทั่วโลกมีการรายงานไว้ไม่เกิน 50 ราย พบมากที่สุดในโลกเป็นผู้ป่วยจากภาคอีสาน รายงานโดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 18 ราย เนื่องจากอาการเบื้องต้นมักไม่เจ็บหรือปวด จะมีแค่อาการตาพร่ามัวข้างเดียว เท่านั้น การวินิจฉัยจึงจำเป็นต้องตรวจโดยจักษุแพทย์ ด้วยการตรวจความคมชัด ของสายตา วัดความดันตา ตรวจตาอย่างละเอียด ด้วยกล้องสำหรับตรวจตา รวมถึงตรวจโดยการขยายม่านตาและมีการใช้เครื่องมือพิเศษต่าง ๆ ร่วมด้วย โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยการกินยาฆ่าพยาธิและการผ่าตัดนำพยาธิออกจากดวงตา แต่มักมีการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำได้ด้วยการรับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ถูกสุขลักษณะเสมอ”