เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 เวลา 08.30 น. โดย  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดการประชุมวิชาการสูตินรีเวชส่วนภูมิภาค ครั้งที่ 10 จัดโดย ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับ คณะกรรมการพัฒนาอนามัยแม่และเด็กเขตสุขภาพที่ 2 และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร  โดยมี นายแพทย์สุนทร อินทพิบูลย์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาอนามัยแม่และเด็ก เขตสุขภาพที่ 2 กล่าวรายงาน จากนั้นศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ได้มอบ โมเดลสอนตรวจมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร  โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ เป็นผู้รับมอบ  ณ ห้องประชุมเอกาทศรถ 9 ชั้น 3 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

      การจัดโครงการในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ คณะกรรมการพัฒนาอนามัยแม่และเด็กเขตสุขภาพที่ 2 และ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร  ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน 2567 ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ    ได้แก่  ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงศิรินาถ ศิริเลิศ    คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อติวุทธ  กมุทมาศ  คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงณิชมน ภาคย์ภิญโญ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรสิทธิ์ ชัยทองวงศ์วัฒนา คณะแพทยศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงสายฝน ชวาลไพบูลย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นายแพทย์เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการ แพทยสภา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์สกิทา ม่วงไหมทอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลวิทยากร ที่เสียสละเวลาอันมีค่าของท่านมาบรรยายให้ความรู้  ผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย สูตินรีแพทย์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชน  จำนวนกว่า 200 ท่าน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการที่มีความ Update ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาให้ทันสมัย อยู่ตลอดเวลาเพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพในการดูแลรักษา ผู้รับบริการทางด้านสุขภาพอนามัยแม่และเด็ก ให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป